ที่มาของ Spotify แอพสตรีมเพลงระดับโลก

เพลง

ถ้าถามว่าทุกวันนี้เราฟังเพลงจากแอพไหน Spotify น่าจะเป็นอันดับต้นๆ ที่หลายคนเลือกใช้ เพราะหลายคนที่ใช้มักจะกลับมารีวิวว่าแอพนี้สามารถฟังเพลงได้จากทั่วทั้งโลก ทั้งยังมีการจัดเพลย์ลิสต์ได้โดนใจสุดๆ โดย Spotify คือบริการสตรีมเพลงดิจิทัล พอดแคสต์ และวิดีโอ ซึ่งให้คุณเข้าถึงบทเพลงนับล้านและเนื้อหาอื่นๆ จากศิลปินทั่วทุกมุมโลก คุณสามารถใช้ฟังก์ชันพื้นฐานอย่างเช่นการเล่นเพลงได้ฟรี แต่คุณก็สามารถเลือกที่จะอัปเกรดเป็น Spotify Premium ได้ แต่แม้จะไม่ได้เป็น Spotify Premium ก็สามารถรับการแนะนำตามรสนิยมของคุณ, สร้างคอลเลกชันเพลงและพอดแคสต์ และอีกมากมาย เรียกได้ว่าถูกใจคนชอบฟังเพลงมากๆ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ Spotify กันให้มากขึ้นเลยดีกว่า

ที่มาของ Spotify แอพสตรีมเพลงระดับโลก

Spotify เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อปี 2008 โดยมี Daniel Ek และ Martin Lorentzon เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เป็นบริการเพลง, พ็อดคาสท์ และวีดีโอสตรีมมิ่ง ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการจะสามารถสร้าง, แก้ไข, แชร์เพลย์ลิสต์, แชร์เพลงบนโซเชียลมีเดียได้ โดยรูปแบบธุรกิจของ Spotify ดำเนินงานในลักษณะที่เรียกว่า Freemium การให้บริการพื้นฐานแบบฟรี และจะมีคุณสมบัติต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าถึงเพลงจากทั่วโลกเมื่อสมัครสมาชิกและชำระค่าบริการ 

ก่อนที่จะมาก่อตั้ง Spotify ผู้ก่อตั้ง Daniel Ek มีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่สักพักนึงไปกับการหลงระเริงใช้จ่ายเงินที่หามาจากการทำธุรกิจ แต่พอเขาเริ่มคิดได้ เขาก็อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วคิดว่าจะทำอะไรดี เขาจึงนำสิ่งที่เขาหลงใหลทั้งสองอย่างมารวมกัน นั่นคือ ดนตรีและการเขียนโปรแกรม Daniel Ek จึงติดต่อไปหา Martin Lorentzon ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Tradedoubler ที่เคยลงทุนซื้อกิจการของเขาไป เพื่อหาปรึกษาหารือไอเดียในการสร้างธุรกิจใหม่ที่จะผสมผสาน “ดนตรี” กับ “แอปพลิเคชัน” เข้าด้วยกัน และในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็ตกผลึกเป็น แอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลงโดยตั้งชื่อว่า Spotify (มาจาก Spot + Identify) นั่นเอง

โดยความตั้งใจของแดเนียล เอ็ก (Daniel Ek) และ มาร์ติน โลเรนต์ซอน (Martin Lorentzon) สองผู้ร่วมก่อตั้ง Spotify คือการสร้างแพลตฟอร์มในการฟังเพลงอย่างถูกลิขสิทธิ์และถูกกฎหมาย เพื่อสนับสนุนให้เจ้าของผลงานและศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Spotify ยังโดนใจผู้บริโภคด้วยรูปแบบบริการแบบฟรีเมียมที่ไม่ต้องเสียเงินก็สามารถใช้บริการฟังเพลงของพวกเขาได้ทันที รวมถึงอัลกอริทึมในการประมวลเพลย์ลิสต์ที่ชาญฉลาด และช่องทางการใช้บริการที่มากมายไม่เว้นแม้แต่เครื่องเล่นเกมคอนโซล ขณะเดียวกัน Spotify ก็ไม่ลืมที่จะสร้างโมเดลธุรกิจการหารายได้ด้วยโฆษณาจากแบรนด์กว่า 3,500 แบรนด์บนบริการฟรีเมียม

ซึ่งนอกจากการใช้งานฟรีแล้ว Spotify ยังให้บริการแบบพรีเมียมอีกด้วย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 129 บาทต่อเดือน โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการเล่นไฟล์เพลงคุณภาพเสียงระดับสูงที่ 320 kbps (มากกว่า Apple Music ที่ 256 kbps) นอกจากนี้ก็ยังมีบริการแบบครอบครัวที่สนนราคา 199 บาทต่อเดือน ซึ่งสามารถใช้ได้สูงสุดถึง 6 คน

หากนับจนถึงปัจจุบัน Spotify ก็มีพื้นที่ให้บริการมากกว่า 61 ประเทศแล้ว ขณะที่ยอดผู้ใช้บริการก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้อมูลที่ระบุว่าในปี 2011 พวกเขายังมียอดผู้ใช้บริการแบบเสียเงิน (Subscribers) อยู่ที่ 2 ล้านคนเท่านั้น แต่ให้หลังปีเดียว พวกเขาก็มียอดผู้ใช้บริการแบบเสียเงินเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าอยู่ที่ 4 ล้านคน ส่วนในปี 2013 ยอดผู้ใช้บริการแบบเสียเงินก็เพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านคน กระทั่งในปี 2017 นี้ Spotify ก็มียอดผู้ใช้บริการแบบเสียเงินคิดเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าตัวหรือประมาณ 60 ล้านคนแล้วเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก 

You Might Also Like